04 มิถุนายน, 2551

นักแสดง แอนดริว Andrew 粉丝部

2008年06 月04日

....

.....*.*



*********** ----





หนึ่งในความห่วงใยของพ่อหลวง.....
เยลลี่พระราชทาน แจกฟรี สำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปากหรือผู้กลืนอาหารไม่ได้ มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระราชูปถัมภ์ หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกันพัฒนาเยลลี่โภชนาการ เพื่อผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีภาวะโภชนาการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเจลกึ่งแข็งกึ่งเหลว มีเนื้อสัมผัสที่พอดีไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป ง่ายต่อการเคี้ยวและการกลืน ผลิตจากนมที่ผ่านกรรมวิธีย่อยแลคโต๊สซึ่งเป็นสาเหตุของการดื่มนมแล้วไม่สบายท้อง ท้องเสียแล้ว ทำให้ผู้ที่มีปัญหาเรื่องดื่มนมแล้วไม่สบายท้อง สามารถกินได้โดยไม่มีปัญหา และเมื่อนำไปทดลองใช้กับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก พบว่าผู้ป่วยไม่ต้องให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วยสามารถกินได้เอง และผู้ป่วยที่กินเยลลี่โภชนาการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ผู้สนใจที่มีปัญหาเรื่องมะเร็งช่องปากหรือมีญาติมิตรเป็นโรคดังกล่าว สามารถติดต่อขอรับได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใด ได้ที่ต่างๆ ดังนี้คือ 1. โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา 044-235582, 081-955-9002 2. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรุงเทพฯ 02-3547025-35 3. ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 02-5461960-6 4. ศูนย์มะเร็งชลบุรี 038-784001-5 5. ศูนย์มะเร็งลพบุรี 036-621800 6. ศูนย์มะเร็งลำปาง 054-335262-8 7. ศูนย์มะเร็งอุดรธานี 042-207375-80 8. ศูนย์มะเร็งอุบลราชธานี 045-285610-5, 045-285637-40 9. ศูนย์มะเร็งสุราษฎร์ธานี 077-211625-8 ต่อ 1006 10.สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล 02-889-3489 ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถานพยาบาล ดังกล่าว หรือ ติดต่อสอบถามมูลนิธิทันตนวัตกรรม ได้ที่ คุณบัวขาว หงษาชุม โทรศัพท์ 089-664-4634, 02-218-9027
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ :http://bit.ly/UFCrZa ขอขอบคุณภาพจาก: ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร Fan page

๙๙๙๙๙๙๙

ประชาชนคือป้อมปราการ

http://www.posttoday.com

14 มีนาคม 2556 เวลา 17:29 น.

โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุดเกิดขึ้นมากผิดปกติ เปิดเผย ไม่เกรงกลัว กลุ่มต่อต้านกษัตริย์ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐ ด้วยการป้อนชุดข้อมูลที่ดูเหมือนจริงแต่เป็นความเท็จ ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงและบริษัทประชาสัมพันธ์ ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) เพื่อไปล็อบบี้สมาชิกรัฐสภาและรัฐบาลอเมริกันเพื่อผลทางการเมืองของตน อย่างไรก็ดี ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐทวีความเข้มแข็งมากขึ้น มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย เขียนบทความภาษาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่งคือ เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความโจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามกษัตริย์สลับกันมาหลายปีแล้ว อีกคนหนึ่งคือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้มาทำงานด้านนี้ และเป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในความเป็นจริง คนพวกนี้ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทยสายสาธารณรัฐที่คนไทยรู้จักดี ในกลางปี 2556 นักล็อบบี้พวกนี้วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการในที่ประชุมประจำปีของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies) ซึ่งมีคนไทยที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์มีอิทธิพลอยู่ การอภิปรายดังกล่าวมีเป้าหมายมุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทยเป็นการเฉพาะ รวมทั้งมีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่งโดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐานจากห้องสมุดมหาวิทยาลัย รัฐสภาของสหรัฐ ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยองค์ปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2554 ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นักล็อบบี้อเมริกันได้ส่งชุดข้อมูลที่ปั้นแต่งขึ้นจนทำให้สมาชิกสภาหลงเชื่อได้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐพยายามหลีกเลี่ยงไม่ส่งหนังสือถวายพระพรตามที่เคยปฏิบัติมา จนสภาสูงต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน สะท้อนให้เห็นว่า นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกันทำงานให้กับนายจ้างอย่างได้ผล ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิดและต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่เท่านั้น สถาบันบางแห่งของสหรัฐ เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐคิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และอีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมาโดยอ้างว่าเพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันสูงสุด นักล็อบบี้เหล่านี้ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่งหรือหลายชุด และไปเคลื่อนไหวชักจูง ชี้นำ โน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทกรรมที่ว่า สถาบันสูงสุดเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย สถาบันทำลายสิทธิมนุษยชน อ้างว่าปัญหาของเมืองไทยไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ พวกนี้พยายามป้อนข้อมูลให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะถ้าสถาบันไม่สู้ สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่นนอกจากจะยืนข้างฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามสถาบัน และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีนที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา หากสหรัฐและประเทศเหล่านี้สรุปว่า ฝ่ายสถาบันแพ้แน่ สหรัฐและประเทศเหล่านี้ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ อย่างไรก็ดี ฝ่ายสถาบันส่งสัญญานมาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทยไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดินเพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แต่ปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร ศาล และรัฐบาล จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ รัฐบาลชุดก่อนเคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่ปรากฏว่า ศูนย์เหล่านี้กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไทยถูกคุกคามด้วยสงครามยุคใหม่ ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ สงครามทั้งสามนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เบี้ยเลี้ยงต่างหาก เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ อเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว อันตรายที่เกิดขึ้นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเรื่องจริงและหนักหนา ชาติและสถาบันกำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ บทความนี้ไม่ต้องการให้คนไทยไปต่อต้านสหรัฐ เพียงแต่ขอให้เพื่อนอย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติและราชบัลลังก์เท่านั้น ปัญหาของประเทศไทยต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้ายในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า สถาบันสูงสุดยังสู้ และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ

๙๙๙๙๙๙๙

ภูมรัตน์ ตอบโจทย์ วิภาคสื่อเทศ วิเทศสื่อไทย สุทิน วรรณบวร http://www.naewna.com/politic/columnist/5882 การนำคนไร้ราคา คนที่สังคมรังเกียจ การนำเสนอข้อมูลแง่ลบ นำไปสู่ความขัดแย้งของสังคม สร้างความเสื่อมเสียให้สถาบัน มาออกรายการถึงสามครั้ง...ทำให้เกิดคำถามว่า ผู้ดำเนินรายการ มีเจตนาจะตอบโจทย์ หรือกำลังหาโจทย์

หลังจากกระแสสังคมกระหน่ำ ถึงความไม่เหมาะสมและเจตนาแอบแฝงของรายการ”ตอบโจทย์” ที่สร้างข้อครหาเป็นที่น่าสงสัยมากมาย จนต้องออกแถลงการณ์ อ้างสิทธิ์เสรีภาพสื่อตามรัฐธรรมนูญ การดำรงซึ่งจรรยาบรรณสื่อ มาปกป้องตัวเอง ทั้งๆที่ผู้ดำเนินรายการไม่มีจรรยาบรรณ และจริยธรรมของสื่ออยู่ในตัวแม้แต่นิดเดียว เพราะแม้แต่กฎเบื้องต้นของสื่อและการประชาสัมพันธ์ง่ายๆที่บอกไว้ว่า “ไม่เสนอข่าวสารในแง่ลบซ้ำซาก”(do not repeat negative) ผู้ดำเนินรายการก็ยังไม่เข้าใจ การนำคนไร้ราคามาร่วมรายการ คนที่สังคมรังเกียจ การนำเสนอข้อมูลในแง่ลบ นำไปสู่ความขัดแย้งของสังคม และ สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน มาออกรายการถึงสามครั้ง ท่ามกลางกระแสต่อต้านของสังคม ทำให้เกิดคำถามว่า ผู้ดำเนินรายการ มีเจตนาจะตอบโจทย์ หรือกำลังหาโจทย์ บังเอิญได้อ่าน บทความที่เขียนโดยท่านภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่โพสต์ทางเฟสบุ๊ค จึงขออนุญาตนำข้อความบางตอนของท่านมาอ้างอิงในบทความชิ้นนี้ ด้วยเหตุว่า เราได้พบเห็นสิ่งที่ท่านเสนอมาด้วยตัวเอง ในช่วงเวลาที่ยังทำงานอยู่กับสำนักข่าวต่างประเทศ ท่านภุมรัตน์ เขียนไว้ว่า “นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การทำลายสถาบันสูงสุดเกิดขึ้นมากผิดปกติอย่างเปิดเผย ไม่เกรงกลัว กลุ่มต่อต้านกษัตริย์ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐ ด้วยการป้อนชุดข้อมูลที่ดูเหมือนจริง แต่เป็นความเท็จ ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง และบริษัทประชาสัมพันธ์ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) เพื่อไปล็อบบี้สมาชิกรัฐสภา และรัฐบาลอเมริกัน เพื่อผลทางการเมืองของตน อย่างไรก็ดี ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย เขียนบทความภาษาต่างๆซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่งคือ เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความโจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามกษัตริย์สลับกันมาหลายปีแล้ว อีกคนหนึ่งคือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้มาทำงานด้านนี้ และเป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในความเป็นจริง คนพวกนี้ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย แต่ได้รับข้อมูลจาก นักประวัติศาสตร์ชาวไทยสายสาธารณรัฐที่คนไทยรู้จักดี ในกลางปี 2556 นักล็อบบี้พวกนี้วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการในที่ประชุมประจำปีของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies) ซึ่งมีคนไทยที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์มีอิทธิพลอยู่ การอภิปรายดังกล่าวมีเป้าหมายมุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทยเป็นการเฉพาะ รวมทั้งมีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่งโดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐานจากห้องสมุดมหาวิทยาลัย รัฐสภาของสหรัฐ ที่ดูเผินๆแล้วน่าเชื่อถือ หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยองค์ปัจจุบัน” ข้อเขียนท่านภุมรัตน์ยังมีรายละเอียดและหลักฐานของขบวนการต่อต้านสถาบันอีกมาก แต่ขอตัดเพียงแค่นี้ เพื่อจะได้เพิ่มเติมข้อมูลจากที่ตัวเองพบมาช่วงเวลาที่ทำงานกับสำนักข่าวต่างประเทศ บทความของ Association of Asian Studies ที่ท่านภุมรัตน์กล่าวถึงนั้นมีจริง และถูกส่งผ่านมาในอีเมลล์ของสำนักข่าวต่างประเทศเป็นประจำ ชิ้นแรกที่ส่งมาให้สำนักข่าวต่างประเทศ อ้างคำพูดอดีตนายกรัฐมนตรีที่ไปพูดกับผู้สนับสนุนในออสเตรเลีย กล่าวหาประธานองค์มนตรีว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ให้เกิดรัฐประหารล้มล้างนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับความนิยมสูงเป็นประวัติศาสตร์ บทความชิ้นนั้นอ้างว่าที่ต้องขจัดนายกฯคนนั้น เพราะเกิดความหวั่นไหวว่า ผู้คนที่ยากจนในชนบทจะให้ความรักความนิยมเหนือผู้อื่นทั้งหมด หลังจากนั้นบทความจะส่งเข้าเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยการปฏิวัติรัฐประหารที่มี ถึง 18 ครั้งหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 แล้วจะตามมาด้วยการเลือกตั้ง ครั้งประวัติศาสตร์ ที่พรรคการเมืองพรรคเดียวได้รับความนิยมสูงสุด แล้ว ถูกล้มล้างด้วยทหาร และพาดพิงไปถึงสถาบันทุกครั้ง บางครั้งบทความเขียนถึงเรื่องไม่บังควร และเรื่องไม่บังควรเหล่านี้ล้วนออกมาจาก ข้อเขียนที่ยังไม่สมบูรณ์ของนายพอล เอลลี่ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง king never smile ผู้เขียนหนังสือ king never smile เป็นผู้สื่อข่าวอิสระที่มาทำงานในเมืองไทย ช่วงสงครามอินโอจีน ซึ่งรู้กันในหมู่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศในเวลานั้นว่า เป็นพวกต่อต้านสถาบัน ด้วยความที่คนมีชื่อเสียด้านนี้เอง ทำให้เขาถูกเชิญมาพบกับเลขาฯผู้มีอำนาจในปี 2547 ในช่วงเวลาที่มีการพูดถึงเรื่องลดบทบาท ลดอิทธิพลสถาบัน ตั้งแต่นั้นมา โครงการเขียนหนังสือ King Never Smile ข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทยสายสาธารณรัฐกับข้อมูลจากเลขาผู้มีอำนาจ ก็ถูกส่งไปให้ผู้เขียนหนังสือทำลายสถาบัน และ ประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา Draft (ข้อเขียนที่ยังไม่สมบูรณ์)บางตอนของหนังสือ ถูกส่งมายังอีเมลล์ของสำนักข่าวต่างประเทศเป็นระยะๆ หลังจากการยึดอำนาจในเดือนกันยายน 2549 และบทความทำลายสถาบัน บวกกับข้อเขียนที่ยังไม่สมบูรณ์จากหนังสือเล่มนี้ก็มีมากขึ้น และเปิดเผยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามข้อเขียนในแง่ลบเหล่านี้ ไม่ได้ถูกนำไปใช้มากนักในบรรดาสำนักข่าวที่มีมาตรฐานอย่างรอยเตอร์ เอพี หรือ เอเอฟพี มีบ้างที่มาตรา 112 ถูกนำมาขยายในบางครั้ง แต่บทความเหล่านี้ถูกนำไปขยายมากในหมู่นักข่าวอิสระที่เขียนบทความให้กับ วารสารภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นข้อมูลในบทความทำลายสถาบันเหล่านี้ถูกนำมาขยายใน เวทีการชุมนุมต่อต้านการปฏิวัติ ในเว็บไซด์ต่างๆ และ สื่อไทยบางฉบับที่อยู่ในเครือข่ายของกลุ่มตรงข้ามสถาบัน การขยายความของคนกลุ่มนี้ จะออกมาในรูปของการสร้างประเด็น เพื่อให้สื่อมาขยายความต่อ เช่น มีชายคนหนึ่ง ไม่ลุกยืนในโรงภาพยนตร์ ขณะที่เปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี ความจริงถ้าขบวนการนี้ไม่ทำให้เป็นข่าว ก็ไม่มีใครรู้ว่า เขาทำอะไร แต่จู่ๆมีการส่งข้อความเป็นภาษาอังกฤษไปถึงสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และสำนักข่าวทุกแห่งว่า เขาจะไปรับทราบข้อหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งๆที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหา ผู้สื่อข่าวทุกสำนักแห่กันไปทำข่าว แต่ด้วยการยึดมั่นกับกฎที่ว่า “ไม่เสนอซ้ำในเรื่องที่เป็นแง่ลบ” เราไม่ยอมไปทำข่าว เป็นครั้งแรกในการทำงานสามสิบสี่ปี ที่ถูกหัวหน้าตำหนิพูดว่า “ผิดหวังในตัวเรามาก” ที่ไม่ยอมไปทำข่าวนี้ เราไม่ยอมทำข่าวนี่เพราะรู้ทันว่า ฝ่ายตรงข้ามสถาบันต้องการ นำเรื่องคนที่ไม่ยืนทำความเคารพเป็นประเด็นขยายความ แล้วก็เป็นจริงตามความคาดหมายสื่อต่างๆประโคมข่าวนายคนนั้นกันทุกฉบับ แม้กระทั่งทีวีกรมประชาสัมพันธ์ยังนำผู้ที่สวมเสื้อมีข้อความว่า“ไม่ยืนไม่ผิด” มาออกอากาศ ตั้งแต่วันนั้นมา เราเริ่มเป็นเป้าหมายของผู้ที่ลงทุนจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ มีการร้องเรียนไปถึงสำนักข่าวว่า เราไม่เป็นกลางบ้าง ร้องเรียนว่าเราเป็นพวกเดียวกับฝ่ายขบถบ้าง จนวันหนึ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักข่าวในวอชิงตัน แจ้งมาว่ามีผู้ที่ใช้ชื่อ Ekapipop ทำหนังสือร้องเรียนไปว่า ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวคนหนึ่ง (ชื่อเรา) สร้างความเสียหายต่อสถาบัน (สำนักข่าว) โดยการการตั้งคำถามที่หยาบคาย ใช้คำพูดดูหมิ่นผู้นำของประเทศไทย โดยใช้คำพูด“ไม่เหมาะสม”กับผู้ที่เป็นนายกฯ เรียกร้องให้สำนักข่าวขอโทษ และ ลงโทษนักข่าวคนนั้น ที่นำเรื่องนี้มาเล่า เพื่อยืนยันข้อเขียนของท่านภุมรัตน์ว่า อิทธิพลของบริษัทประชาสัมพันธ์มีจริง เพราะไม่มีใครในสำนักงานสาขาต่างประเทศรู้ช่องทางติดต่อกับผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ข้อร้องเรียนผู้สื่อข่าวธรรมดาคนหนึ่งส่งไปถึงระดับผู้อำนวยการ ข้อร้องเรียนที่ส่งไปจากเมืองไทยต้องผ่านการจัดการโดยบริษัทประชาสัมพันธ์เท่านั้น ข้อเขียนของท่านภุมรัตน์ยังบอกว่า สถาบันแห่งชาติของสหรัฐบางแห่ง เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐคิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และอีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา โดยอ้างว่าเพื่อนำไปใช้ในการให้ ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิปไตย แต่กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันสูงสุด ถ้ายังสงสัยกันว่า คอลัมนิสต์บางคน ในหนังสือพิมพ์ไทยบางฉบับ รายการทีวีบางรายการ มีวาระซ่อนเร้น ในการทำลายกัดกร่อนสถาบัน โดยการนำเอาประเด็นที่คนของฝ่ายตรงข้ามสถาบันมาขยายความเผยแพร่ด้วยสาเหตุอะไร และ เงินทุนสร้างความเลวร้ายเหล่านี้มาจากไหน บทความของท่านภุมรัตน์ “ตอบโจทย์”ได้เป็นอย่างดี


๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

เตือนสติ
ในวันแห่งความรัก "เวลาไม่มีเงิน คนแรกที่คิดถึง คือพ่อและแม่ 
แต่พอมีเงิน คนแรกที่คิดถึง คือแฟนและเพื่อน ...
อยากได้รถ คนแรกที่คิดถึง คือพ่อและแม่
แต่พอมีรถ คนแรกที่จะไปรับ คือแฟนกับเพื่อน ...
ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค มีไว้สำหรับแฟนกับเพื่อน 
อาหารบนโต๊ะที่บ้าน มีสำหรับพ่อและแม่ ... 
โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน 
ทีวี และสวนหน้าบ้าน มีไว้สำหรับพ่อและแม่ ... 
พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน 
เพื่อความอยู่รอด ลูกนอนคุยโทรศัพท์
เล่นเนตก่อนนอน เพื่อให้หลับฝันดี ...
เวลาเรามีความสุข มักจะมองหา แฟนและเพื่อน 
เวลาเรามีความทุกข์ คนที่กังวล 
หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่ ...
เวลาประสบความสำเร็จ เรามักมองหาแฟนและเพื่อน
เพื่อนัดฉลองและสังสรรค์ แต่คนที่ดีใจที่สุด คือพ่อและแม่
แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป ...
ลูกไปรื่นเริง ตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ 
พ่อและแม่กลับทำงาน หรือ นอนหลับ 
เก็บแรงไว้ทำงานหาเงิน ในวันรุ่งขึ้น 
เพื่อแลกความสุขของลูก อยากให้ลูกเรียนสูงๆ ...
เวลาแต่งงาน คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้น คือพ่อและแม่
คนที่มีความสุข คือลูก ...
พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย เพื่อให้ลูกได้ดี
แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูด เป็นแค่เรื่อง ไร้สาระ ... 
พ่อและแม่ คือผู้ฝ่าฟันปัญหา เป็นร้อยพันประการเพื่อลูก 
แต่พอลูกมีปัญหา มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย!!!! ...
พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่ 
ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด ... ???
คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่” อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด 
แล้วคุณเตรียมอะไรไว้ เพื่อคุณพ่อคุณแม่ของคุณหรือยัง 
ก่อนที่จะไม่ได้ทำแล้วจะมานั้งเสียใจ (รีบทำก่อนที่อะไร จะสายเกินไป) 
หรือเหลือไว้แค่เพียงรูปถ่าย"



------


....
---


.......................



-----








*--*

-----


---

***สวัสดีคะทุกท่านที่เข้ามาที่นี่
หลายท่านเขาใจผิกคิดว่าทำงานให้แอนดริว
แต่ความจริงแอนดริวไม่ได้มีส่วนกับที่นี่
ที่นี่เกิดขึ้นเพราะความชื่นชมผลงานของเขา


*000*000*






.....

..
รวมภาพไปประมูลการกุศลccf




****
การเข้าชมหน้าต่างๆๆกรุณากดที่ภาพนั้น
Visit the other pages click on the image.

点击图片进入其它页面

**



ผู้ที่ใช้ความเร็วเนตต่ำ หรือไม่เคยเข้า

การรับข้อมูลจะช้าเพราะข้อมูลจะเป็น

การถ่ายภาพจากข้อมูลหนังสือจริงมาลง

ทำให้คอมของท่านต้องอ่านข้อมูลเพื่อบันทึก

ขอบคุณคะที่มาติดตามผลงานของแอนดริว



***
...

...

ประวัติการแสดง














*** ***

ดาราการ์ตูน
6 กรกฎาคม 2554



*** ***

1 สิงหาคม 2554 -1 August 2011

สุขกาย สบายใจ





รวมสัมภาษณ์จากนิตยสาร;--In a magazine interview-

杂志采访






21 มิถุนายน 53
รวมคลิปสัมภาษณ์ -Interview video clips -




采访视频剪辑





ข่าว news --

新闻




***


==================
ทำดีไม่ต้องมีใครเห็นก็ได้ แค่เรารู้ก็พอแล้ว



*************
ตัวอย่างละครที่น่าสนใจ เฉพาะส่วนสำคัญ

Interesting role

有趣的角色

จาก YouTube โปรดรอภาพ







อื่นๆ ฯลฯ




...
*** ***




วันที่ 25 มิถุนายน 2552
งานเขียนคุณปราณประมูล-คุณเล็ก --by Pranpramoon--By Duanghatai Satthathip



รวมภาพโฆษณา
Advertising photos

广告照片





ผลงานแรกด้านต่างๆๆ--First task

第一個任務






รวมภาพ -

Photo Collection

照片收集






第一份 工













เพลง MV ที่ทำเอง


Fanmade MV

粉丝的音乐视频










































แอนดริวกับแฟนคลับ





...

เนื่องจากพี่มีปัญหาเรื่องภาพ
ที่โดนยึด มีอีกสาเหตุที่อาจจะทำให้ใช้แบนวิธเกิน
คือถ้ามีคนเอาurlรูปของพี่ในบล็อกไปแปะที่เวปอื่น
ก็จะกินเนื้อที่แบนวิธของพี่ไปด้วย
ถ้าต้องการนำรูปพี่ไปแปะที่อื่น
ก็ให้เซฟรูปแล้วไปอัพโหลดรูปเอง






ไม่มีความคิดเห็น:



คลังบทความของบล็อก